
อุทยานแห่งชาติตาพระยา อำเภอตาพระยา
อยู่ในเขต อ.ตาพระยา จ.สระแก้วและ จ.บุรีรัมย์ เป็นป่าที่เชื่อมต่อมาจากอุทยานฯ ปางสีดา จึงเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่เช่นกัน มีพื้นที่ทั้งหมด 594 ตร.กม.หรือ 371,250 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบโอบล้อมด้วยขุนเขา หรือเทือกเขาบรรทัดที่ทอดยาวไปทางทิศตะวันออก เป็นกำแพงธรรมชาติกั้นแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น กระทิง หมูป่า เก้ง กวาง หมี เสือ วัวแดง หมาใน ช้างป่า และนกมากกว่า 300 ชนิด
จุด เด่นของอุทยานฯ อยู่ที่มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้รองรับนักท่องเที่ยวกลายเส้นทาง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดูนก ดูผีเสื้อ ศึกษาพรรณไม้และสัตว์ป่าเป็นอย่างยิ่ง แล้วยังมีจุดชมวิวอีก 2 จุดให้ชมทิวทัศน์เบื้องล่าง สถานที่น่าสนใจได้แก่ เขายักษ์ ซึ่งเป็นก้อนหินทรายขนาดใหญ่กลางป่ามีภาพสลักเป็นรูปบุคคลคล้ายยักษ์ ป่าสลัดได เป็นพืชตระกูลตะบองเพชรมีต้นสลัดไดขึ้นอยู่หนาแน่น 2-3 ไร่
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการอุทยานฯ ตาพระยา ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว 27180 โทร 0-3724-6056
การเดินทาง
- จากอำเภออรัญประเทศ ให้มาตามทางหลวงหมายเลข 348 ไปอำเภอตาพระยา ถึงสามแยกหน้าอำเภอให้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ประมาณ 26 กม. สังเกตหลัก กม.75 ที่ทำการตั้งอยู่ซ้ายมือติดถนน
- จากอำเภอวัฒนานคร ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3128 ถึงสามแยกช่องกุ่ม ประมาณ 25 กม.เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง 3393 ถึงสี่แยกโคคลาน เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3486 จนถึงสามแยกตัดกับเส้นทาง 348 ให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางไป อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ สังเกตหลัก กม.75 ที่ทำการตั้งอยู่ซ้ายมือติดถนน
ละลุ อำเภอตาพระยา
ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทางธรณีที่เกิดจากการยุบตัวหรือพังทลายของดิน ทั้งสายฝน กระแสลมพัดกระหน่ำ ผ่านช่วงเวลาอันยาวนาน ดินที่แข็งจะคงอยู่ ในขณะที่ดินอ่อนก็จะพังทลายและถูกกัดกร่อนลงไป เกิดเป็นแท่งหินเป็นรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน มองคล้ายกำแพงเมืองหรือเสาหิน เหมือนกันกับ “แพะเมืองผี” ที่จังหวัดแพร่ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ละลุ” ที่แปลมาจากภาษาเขมรแปลว่า “ทะลุ”
“ละลุ” เป็นหนึ่งในมุมมองใหม่เมืองไทยหรือ Unseen in Thailand เสน่ห์ของละลุ คือ มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 2,000 ไร่ ครอบคลุม 6 หมู่บ้าน มีความสดใหม่ สวยงาม ท่ามกลางท้องทุ่งและภูเขาเขียวชอุ่มทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทำให้ละลุมีความสวยงาม แปลกตาเหมาะแก่การเที่ยวชม ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ช่วงเช้าหรือเวลาเย็นเพราะแดดไม่ร้อนมากเกินไป จะทำให้สามารถเดินชมความสวยงามได้อย่างทั่วถึง
การเดินทางเข้าละลุ ต้องนำรถส่วนตัวไปจอดที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว แล้วนั่ง “รถอีแต๊ก” ที่ชาวบ้านนำมาให้บริการลัดเลาะดูวิถีชีวิตของหมู่บ้าน ก่อนออกไปตามท้องทุ่งประมาณ 10 นาทีถึงตัว ละลุ แล้วคุณจะตะลึงในความยิ่งใหญ่ของประติมากรรมธรรมชาติแห่งนี้
ค่าบริการนั่งรถอีแต๊ก นั่งได้ไม่เกิน 8 คน ราคาคันละ 200 บาท ในชุมชนบ้านหนองผักแว่น ยังมีโฮมสเตย์ให้พักค้างสัมผัสกับวิถีชาวบ้านกว่า 20 หลัง ในราคาคืนละ 100 บาทต่อคน อาหาร 1 มื้อ 100 บาทต่อคน ถ้ามาเป็นหมู่คณะอาจมีกิจกรรมเสริมทั้งการแสดงโปงลาง กันตรึมของนักเรียน และการบายศรีสู่ขวัญ ต้องติดต่อก่อนล่วงหน้า
การเดินทาง
- จากอำเภออรัญประเทศ ไปตามทางหลวงหมายเลข 348 ไปอำเภอตาพระยา ถึงหลักกิโลเมตรที่ 35-36 บ้านกุดเตย ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3486 ไปอีก 4.5 กม. ถึงสี่แยกโคคลานตรงไปอีกหน่อย จะมีป้ายบอกทางไปละลุทางซ้ายมือให้เลี้ยวไปตามทางอีก 18 กม. ผ่านโรงเรียนบ้านหนองผักแว่นทางซ้ายมือไปจะพบสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไป 500 เมตร มองเห็นอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ทางซ้ายมือ
- จากอำเภอวัฒนานคร ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3128 ถึงสามแยกช่องกุ่ม ประมาณ 25 กม.เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง 3393 ผ่านบ้านเขาพรมสุวรรณ จนถึงหลักกิโลที่ 20 เลยไปไม่ไกล ซ้ายมือมีป้าย “หมู่บ้านวัฒนธรรมละลุ” ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนคอนกรีตประมาณ 800 เมตร จนถึงเส้นทางตัดกับถนนลาดยางเข้าหมู่บ้าน (เส้นเดียวกับที่เข้ามาจากสี่แยกโคคลาน) ให้เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 9 กม. ผ่านโรงเรียนบ้านหนองผักแว่นทางซ้ายมือไปจะพบสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไป 500 เมตร มองเห็นอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ทางซ้ายมือ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวละลุบ้านคลองยาง โทร 08-1286-3064 หรือองค์การบริหารส่วนตำบลทัพราช โทร 0-3724-3724
ล่องเรือ ตกปลา ดูลีลานกงู
อ่างเก็บน้ำพระปรง อำเภอวัฒนานคร
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดสระแก้ว มีความจุถึง 97 ล้านลูกบาศก์เมตร จนเกือบจะเรียกว่า “เขื่อน” เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในจังหวัด สระแก้ว สร้างกั้นต้นน้ำห้วยพระปรง ซึ่งเป็นลำน้ำที่ไหลลงมาจากอุทยานแห่งชาติปางสีดา จากสภาพป่าที่สมบูรณ์กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพันธุ์ปลา นานาชนิด ทำให้ชาวบ้านแถวนี้หลังจากว่างเว้นจากการทำไร่ ทำนา จึงหารายได้เสริมด้วยการจับปลาขาย
เสน่ห์ของอ่างเก็บน้ำพระปรงอยู่ที่ การได้นั่งเรือ ล่องแพชมทิวทัศน์ธรรมชาติ ตกปลา ดูนกป่า นกทุ่ง นกน้ำนานาชนิด โดยเฉพาะนกน้ำขนาดใหญ่ที่หายากใกล้สูญพันธุ์อย่าง “นกอ้ายงั่วหรือนกงู” ที่มีรายงานการพบนกชนิดนี้มากถึง 70-100 ตัว ถือเป็นแหล่งหากินของนกงูที่ใหญ่ที่สุดของไทย เชื่อมโยงกับแหล่งขยายพันธุ์นกชนิดนี้ที่บ้านลุงสน บ้านคลองมะละกอ อ.เมืองสระแก้ว จนเกิดเป็นงาน “เทศกาลดูนกน้ำตามเส้นทางนกงู” ขึ้นเป็นประจำ ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมของ ทุกปี ในขณะที่ล่องเรือจะได้เห็นนกงูเกาะอยู่ตามต้นไม้ตอไม้แห้งหรือถ้าโชคดีอาจ ได้เห็นมันดำน้ำจับปลาโชว์คอยาวเหมือนงู เมื่อเรือลอยไปใกล้ก็จะได้เห็นลีลาการบินขึ้นจากน้ำ ด้วยการตีปีกและเท้ากับน้ำก่อนที่จะค่อยๆ วิ่ง take off ขึ้นจากน้ำแล้วบินต่อภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
นอกจากนี้ อาหารเมนูปลาหลากชนิดของที่นี่ขึ้นชื่อ จึงเป็นแหล่งพักผ่อนของนักท่องเที่ยวและคนในจังหวัดเป็นอย่างดี ตามสโลแกนที่ว่า “ล่องเรือ ตกปลา ดูลีลานกงู ที่เขื่อนพระปรง”
การเดินทาง จากอำเภอเมืองสระแก้วเมื่อถึงสี่แยกไฟแดง วัฒนานคร ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3198 ประมาณ 18.5 กม. พบสามแยกบริเวณโรงเรียนซับนกแก้ววิทยา สังเกตป้อมตำรวจสี่แดงอยู่ซ้ายมือ มีป้ายบอกไปอ่างเก็บน้ำพระปรงให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 6 กม. พบสี่แยกท่าช้างให้ตรงไปอีกประมาณ 10 กม. ผ่านเข้าโครงการชลประทานพระปรงถึงตัวเขื่อน เมื่อขับรถลงไปจะมีร้านอาหารของเอกชนอยู่ซ้ายมือ ส่วนร้านอาหาร บริการ ล่องเรือ และบ้านพักที่บริหารจัดการโดย อบต.ช่องกุ่ม ต้องเลี้ยวขวาไปตามทางอีกประมาณ 800 เมตร
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลช่องกุ่ม โทร.0-3726-1020
ถ้ำเพชรโพธิ์ทอง อำเภอคลองหาด
ถ้ำเพชรโพธิ์ทองตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเลื่อม ทางเดินขึ้นไปยังถ้ำระยะทางราว 700 เมตร ร่มรื่นด้วยป่าและต้นจันผาที่ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์และปลูกเพิ่มจากเดิมที่ กำลังจะสูญพันธุ์ เป็นถ้ำขนาดกลางที่อยู่ในภูเขาที่ทอดยาวขนานไปกับพื้นดิน มีความยาว 120 เมตร ที่ปากถ้ำมีลมเย็นพัดผ่านช่องเขาเข้าไปในถ้ำ ด้วยอากาศที่มีการถ่ายเทตลอดเวลาส่งผลให้ภายในถ้ำเย็นสบายตลอดทั้งปี ภายในถ้ำจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน จุดแรก ก้าวเท้าสู่ประตูถ้ำที่หันหน้าไปทางตะวันตก ชื่อห้องเขียวมรกตเป็นอุโมงค์ใหญ่ที่มีความสูงรี ผนังมีสีขาวนวลผสมกับสีเขียวมรกต
จากนั้นเดินขึ้นบันไดไม้สู่อีกห้องหนึ่งชื่อห้อง “มุขประดับเพชร” เป็นห้องขนาดใหญ่และเป็นจุดสำคัญเป็นที่มาของชื่อถ้ำ มีหินงอกหินย้อยเป็นมุขทรงเจดีย์หรือทรงรูปไข่สีขาว มีเกร็ดทรายประดับระยิบระยับเมื่อต้องแสงไฟ ตลอดทั้งผนังของถ้ำและพื้นผิวของเพดานถ้ำมีรูปคล้ายๆ ใบโพธิ์สีทอง ซึ่งเกิดจากน้ำขังในแอ่งหินด้านบนภูเขาจนเกิดสนิมน้ำทะลุผ่านจนเป็นดวงเป็น รูปคล้ายใบโพธิ์ บางรูปมีรูปร่างแปลกตาตามแต่ใครจะจินตนาการ มาจุดสุดท้าย ประตูปราสาทถ้ำเพชรโพธิ์ทองเป็นพื้นต่างระดับ มีหินปากประตูสีนวลขาวเรียบเนียน มีหินงอกรูปร่างคล้ายพระพุทธรูปจนกล่าวขานว่าส่วนสุดท้ายเป็นห้องพระมีบันได ให้สามารถขึ้นไปชมด้านบนได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น
บริเวณใกล้เคียงกันยังสามารถชมความงามของถ้ำเพชรหาดทรายแก้ว ซึ่งเป็นถ้ำขนาดเล็กที่ต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดไปยังทางลงถ้ำอีกด้านหนึ่ง ของเขา ทางลงเป็นบันไดเหล็กแคบๆ แต่เมื่อลงถึงถ้ำจะได้ชมหินงอกหินย้อยที่สวยงาม หลากหลาย มีชื่อเรียกต่างๆ กันไป เมื่อเดินออกอุโมงค์อีกทางหนึ่งจะเป็นหน้าผาสูงประมาณ 25 เมตร มีกิจกรรมโรยตัวจากหน้าผาเป็นกิจกรรมเสริมที่เชิญชวนให้ผู้ที่ชอบกีฬาท้าทาย ได้เดินทางมาทดสอบตนเอง ถ้ามาเป็นหมู่คณะต้องติดต่อที่ อบต.ก่อนล่วงหน้า หากเดินตามไหล่เขาต่อไปอีกประมาณ 200 เมตรจะนำคุณไปยัง “จุดชมวิวผาโมกราชินีและผาหินเทิบ” จากจุดนี้จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างที่สวยงามของประเทศเพื่อนบ้านประเทศ กัมพูชา
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองหาด โทร.0-3751-2142, 08-9936-3880, 08-6101-1539
การเดินทาง จากตัวจังหวัดสระแก้วใช้ถนนทางหลวง หมายเลข 317 เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น ตัดเข้าถนนทางหลวงหมายเลข 3067 ระยะทาง 13 กม. ถึงสี่แยกคลองหาดเลี้ยวขวาผ่านที่ว่าการอำเภอคลองหาด ประมาณ 8 กิโลเมตรเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงถ้ำเพชรโพธิ์ทองและถ้ำหาดทรายแก้ว

น้ำตกเขาตะกรุบ อำเภอวังน้ำเย็น